ธุรกิจแบบใดที่ควรมีบริการ “Contact Center”

1. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)

ในแต่ละวัน ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการรับคำสั่งซื้อและต้องส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก บริการ Contact Center จะช่วยให้ลูกค้าติดตามสถานะคำสั่งซื้อหรือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การชำระเงิน การคืนสินค้า การจัดส่งสินค้า ฯลฯ

2. ธุรกิจค้าปลีก (Retail)

ธุรกิจค้าปลีกที่มีสินค้าหลากหลายประเภท บริการ Contact Center จะเข้าไปมีบทบาทในการช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้า โปรโมชัน การเปลี่ยนสินค้า เคลมสินค้า การคืนสินค้า และการที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยสร้างความมั่นใจในบริการของธุรกิจนั้น ๆ

3. ธุรกิจการเงินและประกันภัย (Banking & Insurance)

ธุรกิจการเงิน เช่น ธนาคาร, สถาบันการเงิน, บริษัทประกันภัย จำเป็นต้องมี Contact Center ในการให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับบัญชีการเงิน การทำธุรกรรม การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทีมเจ้าหน้าที่ Contact Center ที่ให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเลือกใช้บริการอย่างมาก

4. ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ (Healthcare)

ธุรกิจการแพทย์ เช่น โรงพยาบาล, คลินิก, และศูนย์ดูแลสุขภาพ มักจะใช้ Contact Center ในการนัดหมายผู้ป่วย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการทางการแพทย์ และให้คำแนะนำทางการแพทย์เบื้องต้น รวมถึงการตอบข้อสงสัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการบริการได้เป็นอย่างดี

5. ธุรกิจเทคโนโลยี (Technology)

บริษัทเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ มักจะต้องการ Contact Center สำหรับการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค การแก้ไขปัญหาทางเทคนิค และการช่วยเหลือในการติดตั้งหรือใช้งานผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า Contact Center ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่รวดเร็ว ตรงจุด และเกิดความภักดีต่อแบรนด์จากบริการที่ดี

6. ธุรกิจการโรงแรม (Hospitality)

ธุรกิจท่องเที่ยว เช่น สายการบิน, โรงแรม, บริการจองทัวร์ มักใช้ Contact Center เพื่อรับการจองบริการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแพ็คเกจท่องเที่ยว จัดการปัญหา การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือการยกเลิกการจอง การมี Contact Center ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในบริการและสามารถวางแผนการเดินทางได้สะดวกขึ้น